"เฟตตูชินี่ทูน่าผักโขม" สุดยอดเมนูช่วยป้องกันฝ้า

“ทานอะไรให้มีพลังงานเปี่ยมล้น” นักฟุตบอลเป็นอาชีพที่ต้องใช้พลังงานเป็นอย่างมากโดยเฉพาะในช่วงเวลาก่อนลงสนาม ซึ่งถ้าทานคาร์โบไฮเดรตได้เพียงพอเท่ากับเมนูเฟตตูชินี่ทูน่าผักโขมกล้ามเนื้อของคุณจะบรรจุพลังงานอย่างเต็มเปี่ยมเพียงพอสําหรับแมตช์สําคัญที่จะมาถึง รวมถึงป้องกันฝ้าจากแดดที่ส่งผลโดยตรง

นักฟุตบอลควรเลือกทานคารโบไฮเดรตให้ถูกชนิดคือ คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน เพราะเป็นสารอาหารที่จะค่อยๆ ถูกย่อยและดูดซึมอีกทั้งกระบวนการเปลี่ยนจากแป้งเป็นน้ําตาลจะช้ากว่าทําให้ร่างกายได้รับพลังงานต่อเนื่องยาวนานและระดับน้ำตาลในเลือดจะเพิ่มคงที่สม่ําเสมอ ทําให้มีพละกําลังเพียงพอสําหรับการออกกําลังกายหนักๆ ซึ่งต่างจากคาร์โบไฮเดรตเชิงเดียวที่ย่อยสลายรวดเร็วและเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือด"อย่างฉับพลันซึ่งเป็นปัญหาเรื่องไขมันสะสมเกินควร อย่างไรก็ตามเมนูเฟตตูชินี่ทูน่าผักโขมนั้นยังสามารถป้องกันฝ้าได้อย่างดีเมื่อผิวของนักเตะต้องมาสัมผัสกับแดดที่ร้อนจัด

เส้นตูชินี่ 

หนึ่งในชนิดของเส้นพาสต้าที่เป็นอาหารในกลุ่มคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนที่นอกจากเหนียวนุ่มอร่อยแล้วยังมีคุณค่าทางโภชนาการที่สําคัญอย่างโปรตีนไลซีนซึ่งเป็นกรดอะมิโนที่จําเป็นต่อร่างกายกรดโฟลิก. วิตามินบี, ธาตุเหล็กแถมยังอิ่มให้พลังงานได้นานอีกด้วยอีกทั้งยังช่วยให้กระหลุดลอกออกไปแม้จะต้องกินเป็นเวลานานอย่างไรก็ตามควรรับประทานในปริมาณที่เหมาะสมด้วยนอกจากนักฟุตบอลจะต้องรับสารอาหารคาร์โบไฮเดรตแล้วควรทานสารอาหารชนิดอื่นๆที่มีวิตามินและแร่ธาตุโปรตีนเสริมไปด้วย

ผักโขม 

รับวิตามินอย่างเต็มที่กับผักโขมยอดผักเพื่อสุขภาพในใบเป็นแหล่งของวิตามินเอ วิตามินซี วิตามินบี 6 และสารอาหารอื่นๆเช่นโซเดียม, โพแทสเซียม, ธาตุเหล็ก, แมกนีเซียมและไฟเบอร์นอกจากนี้ผักโขมยังมีเบต้าแคโรทีนสูงซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระช่วยป้องกันมะเร็งและมีสารซาโปนินที่ช่วยลดคอเรสเตอรอลในเลือดได้เป็นอย่างดีอีกทั้งยังโดยกระตุ้นในการกระชับผิวให้ป้องกันจากแดดเพื่อลดฝ่า

ปลาทูน่า 

เนื้อปลาอีกชนิดที่มีคุณค่าทางโภชนาการเป็นอย่างมาก918kiss โปรโมชั่นโดยทูน่าถือเป็นแหล่งโปรตีนชั้นเยี่ยมที่ย่อยง่ายกว่าเนื้อสัตว์อื่นๆ (Easily Digestible Protein) โดยมีมากถึง 60 % ต่อเนื้อทูน่า 100 กรัมมีวิตามินบี 12 ถึง 181 % วิตามินเอ 50% ต่อการพัฒนาเซลล์สมองอีกด้วยแต่ควรทานเป็นทูน่าสดจะให้ประโยชน์สูงสุด คุณประโยชน์ที่มากมายของเฟตตูชินี่ทน่า - ผักโขมทําให้เมนูนี้เป็นเมนที่เหมาะสําหรับนักฟุตบอลที่ต้องการพลังงานสูงในการเตรียมลงแข่งขันอีกทั้งยังสามารถลดการโจมตีของฝ่าอีกด้วยประโยชน์ให้ครบถ้วนด้วยผักโขมและเนื้อปลาทูน่ารวมถึงไขมันชนิดดีจากนมและชีสเป็นอีกเมนูนึงที่นักฟุตบอลไม่ควรพลาดในการต่อสู้กับฝ่าที่จะจะโจมตีด้วยตลอดเวลา

รักษาฝ้าให้หายขาดด้วยสมุนไพร

หลายคนก็กังวลอยู่เหมือนกันนะครับว่าการไปตกปลาในแต่ละครั้งก็จะต้องเจอแดดที่เผาหน้า ทำให้ เกมส์ตกปลา นั้นก็ได้รับความนิยมกันเป็นอย่างมากนั่นเอง แต่ก็ไม่ต้องห่วงแล้วนะครับว่าการที่เราจะออกไปตกปลานั้นถึงแม้ว่าแสงแดดจะแรงสักแค่ไหนถ้าหากเราดูแลไม่ดี เราก็อาจจะเกิดฝ้าที่บนใบหน้าก็เป็นไปได้เช่นกัน แต่หลายคนก็ยังกังวลอยู่เหมือนกันนะครับว่าการรักษาฝ้าบนใบหน้านั้นจะรักษายากแต่ทุกวันนี้ด้วยเทคโนโลยีและสมุนไพรของไทยเรานั้นก็สามารถที่จะรักษาได้แล้วนั่นเอง

น้ำมันมะพร้าวรักษาฝ้า
สาเหตุหลักที่ทำให้เราเกิดฝานั้นก็มักเกิดจากคลื่นรังสีของ UV จากแสดงแดงที่มันเข้ามาทำร้ายผิวหน้าของเรา ทำให้เมลานินทำงานผิดปกตินั่นเอง จนทำให้เกิดฝ้าตามใบหน้า ส่วนใหญ่นั้นก็จะเกิดขึ้นบริเวณจมูก แก้ม ริมฝีปาก คาง หน้าผาก และส่วนอื่นๆ ที่แสงแดดนั้นเข้ามากระทบนั่นเองไม่ว่าจะเป็น หัวไหล่ แขน และอื่นๆ อีกมากมายนั่นเอง อย่าไงรก็ตามนั้นถ้าเราเกิดความเครียดมากๆ แล้วนั้นการเกิดฝ้าก็อาจจะเกิดขึ้นได้เยอะมากเช่นกันอีกด้วยนั่นเอง การรักษาฝ้าด้วยสมุนไพรของไทยนั้น โดยวันนี้เราก็จะขอแนะนำ น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นที่จะช่วยรักษาฝ้าของเรานั้นได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียวเพราะในน้ำมันมะพร้าวนั้นมันมีวิตามินอีที่จะทำให้ผิวของเราชุมชื้น ขาวใส แถมยังลดริ้วรอยได้เป็นอย่างดีอีกด้วยนั่นเอง อย่างไรก็ตามนั้นวิธีใช้ก็ทาบำรุงหน้าหลังอาบน้ำทุกๆ เช้าและเย็น เพียงเท่านี้ก็จะทำให้หน้าของเราไม่เกิดฝ้าแล้วนั่นเอง และที่เด็ดไปกว่านั้นเราสามารถเห็นผลได้ใน 2 อาทิตย์อีกด้วย

เจ๋งจริง สูตรว่านหางจระเข้รักษาฝ้า

เชื่อหรือไม่ว่าว่านหางจระเข้รักษาฝ้าได้? วิธีการรักษาฝ้าอย่างปลอดภัย ไม่เป็นอันตรายต่อผิว และได้ผลเป็นที่น่าพอใจอีกวิธีหนึ่งคือ การใช้สมุนไพรรักษาฝ้า นั่นก็คือ ว่านหางจระเข้นั่นเอง ซึ่งว่านหางจระเข้นี้เป็นสมุนไพรที่เราใช้กันมานมนานแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการใช้ว่านหางจระเข้รักษาปัญหาเรื่องผิวพรรณต่างๆ หรือแม้แต่ปัญหาสุขภาพบางอย่าง ว่านหางจระเข้ก็สามารถรักษาได้ เนื้อเจลของว่านหางจระเข้สามารถนำมาทาผิวของเราได้เลย เนื้อเจลจะค่อยๆ ซึมเข้าไปในผิวเรา ช่วยรักษาผิวเราให้นุ่ม เนียน สวยอยู่ตลอดเวลา ในปัจจุบันมีการสกัดเอาเนื้อเจลว่านหางจระเข้มาขายแล้ว หาซื้อได้ทั่วไป ดังนั้นใครที่อยู่ในเมือง ไม่ได้ปลูกว่านหางจระเข้ไว้ ก็สามารถหาซื้อเนื้อเจลว่านหางจระเข้ได้เช่นกัน ในเนื้อเจลของว่านหางจระเข้จะมีคุณสมบัติต่างๆ มากมาย อาทิเช่น มีคุณสมบัติในการต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย ป้องกันการอักเสบ เป็นต้น ทำให้ว่านหางจระเข้เป็นส่วนผสมหนึ่งที่ดีในการช่วยรักษาปัญหาด้านผิวพรรณ  สำหรับการรักษาฝ้า ว่านหางจระเข้จะเข้าไปมีส่วนช่วยให้เซลล์ผิวบริเวณที่เกิดฝ้าเกิดการผลัดเซลล์ผิวใหม่ ทำให้ฝ้าจางลงได้ นอกจากจะทำให้ฝ้าจางลงแล้ว ว่านหางจระเข้ยังช่วยให้ผิดมีความชุ่มชื้น สุขภาพผิวดี ดูอ่อนเยาว์อีกด้วย

ว่านหางจระเข้รักษาฝ้า
สำหรับใครที่กำลังประสบปัญหาเรื่องฝ้าอยู่ ไม่ว่าจะเป็นฝ้าที่มือ หน้า หรือที่อื่นๆ สามารถใช้ว่านหางจระเข้ไปใช้รักษาเพื่อไม่ใช้ฝ้าลุกลามได้ ลดฝ้าให้จางลง ทำให้ผิวกระจ่างใสขึ้น เมื่อเราสังเกตเห็นว่าผิวของเราเริ่มมีฝ้าเกิดขึ้นครั้งแรก ให้เราใช้เนื้อว่านหางจระเข้ผสมกับครีมกันแดดทาบริเวณที่ฝ้าเกิด วิธีนี้จะช่วยป้องกันไม่ให้ฝ้ากระจายตัวออกไป

มาร์คหน้าด้วยว่านหางจระเข้แก้ฝ้าแบบเอาอยู่

วันนี้เราจะมาแนะนำสูตรมาร์คหน้าแก้ฝ้าด้วยว่านหางจระเข้กัน ก่อนอื่นเลยให้เราไปหาว่านหางจระเข้มา แกะเอาเนื้อเจลออกมาประมาณซัก 1/2 ช้อนโต๊ะ ใส่ลงไปในถ้วยใบพอดีๆ สูตรนี้ต้องแน่ใจว่าใช้เนื้อเจลสดๆ จากธรรมชาติ หากใครที่ซื้อแบบเป็นหลอดก็ให้ดูด้วยว่า ไม่มีสารเคมีใดๆ ผสมอยู่กับเนื้อเจลว่านหางจระเข้ จากนั้น ให้ทำสาหร่ายทะเล (แนะนำว่าเป็นสาหร่ายเคลป์) ประมาณซัก 1 ช้อนโต๊ะ มาผสมลงไปในถ้วย จากนั้นใส่น้ำผึ้งผสมลงไปประมาณ 1/2 ช้อนโต๊ะ คนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากันแล้วทิ้งไว้ 10 นาที วิธีการใช้ ให้เราล้างหน้าหรือบริเวณที่เป็นฝ้าให้สะอาด จากนั้นเช็ดให้แห้ง ทาส่วนผสมที่เราเตรียมไว้ให้ทั่วบริเวณผิวหน้า ยกเว้นบริเวณรอบดวงตา ทิ้งไว้ประมาณซัก 20 นาที จากนั้น ล้างออกด้วยน้ำอุ่น ข้อแนะนำ อย่าใช้สบู่ล้างส่วนผสมออกเด็ดขาด ควรใช้สูตรรักษาฝ้านี้ประมาณ 3 ครั้งต่อสัปดาห์ คาดว่าจะเห็นผลที่ชัดเจนหลังจากใช้สูตรนี้่ต่อเนื่อง 2-3 สัปดาห์ อย่างไรก็ตามขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคนด้วย

อีกวิธีหนึ่งในการใช้ว่านหางจระเข้รักษาฝ้า คือ ใช้เนื้อเจลว่านหางจระเข้ทาบริเวณที่มีฝ้าโดยตรงเลย โดยทาก่อนเข้านอนประมาณซัก 30 นาที ก่อนเข้านอน เพื่อให้เนื้อเจลค่อยๆ ซึ่มเข้าผิวหน้าและแห้ง เข้านอนโดยไม่ต้องล้างออก ทิ้งไว้อย่างนั้นทั้งคืน จากนั้นในตอนเช้าให้ใช้น้ำธรรมดานี่แหละล้างออก ทำต่อเนื่องกันซัก 2-3 สัปดาห์จะเริ่มเห็นผลชัดเจนว่าฝ้าจางลง อย่างไรก็ตามก็ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคนอีกเช่นเคย

เป็นยังไงบ้างสำหรับสูตรรักษาฝ้าด้วยวิธีธรรมชาติที่นำมาฝากกันในวันนี้ ถ้าใครที่คิดว่ามีประโยชน์ก็ขอให้ช่วย Like ช่วย Share ให้ด้วยน่ะ เป็นกำลังใจสำหรับทีมงานที่หาข้อมูลดีๆ มาฝากกัน สำหรับใครที่ต้องการติดตามสูตรสมุนไพรรักษาฝ้าด้วยวิธีธรรมชาติ เช่น สูตรหัวไชเท้ารักษาฝ้า สูตรมะนาวรักษาฝ้า ฯลฯ ก็สามารถกด Like ที่ facebook แฟนเพจของเราได้ รับรองว่าท่านจะไม่พลาดข้อมูลดีๆ จากทีมงานเราแน่ๆ วันนี้คงต้องขอตัวก่อน บ๊ายบายยยย

สูตร "หัวไชเท้ารักษาฝ้า" ไม่ลอง ไม่รู้

ไม่ทราบว่าเคยได้ยินกันมาก่อนรึเปล่าเกี่ยวกับสูตรหัวไชเท้ารักษาฝ้า สำหรับใครที่กำลังประสบปัญหาเรื่องฝ้าและกำลังมองหาวิธีรักษาฝ้าด้วยวิธีธรรมชาติอยู่ แนะนำให้ทดลองทำครีมหัวไชเท้ารักษาฝ้ามาทาดูน่ะครับ สามารถทำเองได้ง่ายๆ เพราะส่วนประกอบส่วนใหญ่ที่ใช้ในการทำ ก็สามารถหาได้ในครัวเรือนบ้านเราอยู่แล้ว และที่สำคัญ ทำให้เราประหยัดเงินได้ ไม่ต้องเสียเงินซื้อครีมลอกฝ้าราคาแพงๆ มาใช้ (ซึ่งไม่รู้ว่าครีมรักษาฝ้าที่ซื้อมาใช้นั้นจะได้ผลรึเปล่า) ก่อนที่จะมาดูสูตรรักษาฝ้าด้วยหัวไชเท้า เรามาทำความรู้จักกับเจ้าหัวไชเท้ากันก่อนละกันน่ะครับว่ามันมีความเป็นมาอย่างไร มีคุณสมบัติพิเศษอะไรถึงสามารถช่วยลดฝ้าได้


สูตรหัวไชเท้ารักษาฝ้าให้จางลง
หัวผักกาดหรือหัวไชเท้า
ผักกาดหัว หรือ หัวไชเท้า ชื่อวิทยาศาสตร์ Raphanus sativus var. longipinnatus L. เป็นพืชในตระกูล Cruciferae เป็นพืชใบเลี้ยงคู่ อายุ 1 หรือ 2 ฤดู แต่ส่วนมากจะปลูกเป็นพืชฤดูเดียว
ราก เป็นส่วนที่ทำหน้าที่เก็บสะสมอาหารขยายพองโตออก ด้านข้างอาจมีรากฝอยบ้าง เป็นส่วนที่นำมาบริโภคเป็นอาหาร
ลำต้น สั้นเชื่อมต่อยู่ระหว่างรากกับใบ
ใบ เป็นใบเดี่ยว ใบเรียวยาว ปลายใบมนขอบใบเป็นคลื่นเว้าเข้าหลายหยัก
ดอก ออกเป็นช่อแบบราซีม มีสีขาวหรือสีม่วงติดฝักชนิดผ่าแล่ง
หัวไชเท้ามีถิ่นกำเนิดที่ประเทศจีน โดยทั่วไปแล้วหัวไชเท้านี้จะมีอยู่ด้วยกันหลายสีไม่ว่าจะเป็นสีขาว สีแดง สีม่วง สีชมพู และขนาดก็จะแตกต่างกันออกไปตามสายพันธุ์แยกย่อย (Subspecies) หัวไชเท้า เป็นผักที่หลายๆประเทศนิยมนำมาทำเป็นอาหาร เมนูหัวไชเท้า เช่น แกงจืด แกงส้ม ต้มจับฉ่าย ต้มจืดหัวไชเท้า ขนมหัวผักกาด เป็นต้น

หัวไชเท้ามีประโยชน์อย่างไร

หัวไชเท้า เป็นสมุนไพรที่มีอยู่ในตำรายาจีนโบราณ ตำราจีนกล่าวว่าไชเท้ามีสรรพคุณในการกระจายสิ่งหมักหมมในร่างกาย ถือว่ามีฤทธิ์เป็นยาเย็น แต่มีรสเผ็ดร้อน ซึ่งถือว่าผักชนิดนี้มีประโยชน์อย่างมากต่อการทำงานของปอด ช่วยชำระล้างผนังกระเพาะอาหาร และลำไส้ใหญ่ ช่วยดับกระหายคลายร้อน แก้อาการไอเรื้อรัง มีเสมหะมาก อาหารไม่ย่อย ท้องอืด ท้องเฟ้อ ท้องผูก ซึ่งหากรับประทานหัวไชเท้าไปสักระยะหนึ่งแล้วอาการต่างๆเหล่านี้ก็จะบรรเทาอาการให้ดีขึ้น เนื่องจากมีฤทธิ์เป็นยาเย็น จึงไม่ควรที่จะรับประทานหัวไชเท้ากับยาหรือสมุนไพรที่มีฤทธิ์ร้อนอย่างโสมหรือตังกุย เพราะมันอาจจะไปสะเทินฤทธิ์กันเอง ทำให้โสมหรือตังกุยออกฤทธิ์ไม่ดีเท่าที่ควร แต่อย่าเข้าใจผิดไปว่าหัวไชเท้านี้มันจะไปทำลายฤทธิ์ของยาหรือสมุนไพรอื่นๆทั้งหมด และการรับประทานหัวไชเท้านั้นจะรับประทานสุกหรือดิบก็ได้ แต่การรับประทานแบบดิบๆนั้นจะมีประโยชน์ต่อร่างกายมากกว่า ยังไม่หมดเท่านี้กับประโยชน์ของหัวผักกาด มาดูกันต่อตามข้อมูลด้านล่างเลยครับ
สมุนไพรลดฝ้า
ต้นหัวไชเท้า

1. หัวไชเท้า เป็นผักที่หลายๆประเทศนิยมนำมาทำเป็นอาหาร เมนูหัวไชเท้า เช่น แกงจืด แกงส้ม ต้มจับฉ่าย ต้มจืดหัวไชเท้า ขนมหัวผักกาด สลัดหัวผักกาด ยำหัวผักกาด เป็นต้น
2. หัวไชเท้าประโยชน์ของหัวผักกาด สำหรับผู้ที่อยู่ในวัยทองเชื่อว่ามีส่วนช่วยทำให้ผิวพรรณสดใสเปล่งปลั่ง ดูมีน้ำมีนวลเหมือนคนหนุ่มสาว
3. เป็นผักสมุนไพรที่มีประโยชน์อย่างมากสำหรับผู้ที่เป็นหวัด มีอาการไอ คออักเสบเรื้อรังและมีเสียงแหบแห้ง ด้วยการนำหัวไชเท้าสดมาล้างให้สะอาด แล้วหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ใส่ไว้ในขวดแก้ว หลังจากนั้นโรคน้ำตาล 2-3 ช้อนโต๊ะ แล้วปิดฝาทิ้งไว้ 1 คืนแล้วรินน้ำดื่มเป็นประจำ
4. คั้นเป็นน้ำดื่มดับกระหาย ด้วยการนำหัวไชเท้าสดมาคั้นเอาน้ำแล้วเติมน้ำขิง น้ำตาลทรายขาวพอหวาน แล้วนำมาต้มให้เดือดแล้วจิบบ่อยๆ
5. มีส่วนช่วยในการนอนหลับ
6. มีส่วนช่วยแก้โรคประสาท
7. หัวไชเท้าสรรพคุณ ช่วยลดความดันโลหิต
8. หัวผักกาดมีสารลิกนิน (Lignin) ซึ่งจะช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระในร่างกาย ช่วยปกป้องเซลล์ในร่างกายจากความเสื่อมของเซลล์ และมีส่วนช่วยป้องกันโรคมะเร็งได้
9. หัวไชเท้ามีสารเควอร์เซทิน (Quercetin) ซึ่งเป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระ เสริมสร้างภูมิต้านทานโรคและช่วยต่อต้านมะเร็ง
10. ช่วยระงับอาการหอบ (เมล็ด)
11. ช่วยในการเจริญอาหาร (ใบ,ทั้งต้น)
12. หัวไชเท้าสรรพคุณช่วยลดอุณหภูมิความร้อนในร่างกาย
13. ช่วยขยายหลอดลมและหลอดเลือด
14. ประโยชน์หัวไชเท้า ช่วยบำรุงโลหิต (ราก)
15. ช่วยทำให้หายใจโล่งขึ้น
16.แก้อาการปวดศีรษะข้างเดียว (ราก)
17. สรรพคุณหัวไชเท้า ช่วยในการขับและละลายเสมหะ
18. แก้อาการไอหอบมีเสมหะมาก (เมล็ด)
19. ช่วยเรียกน้ำลาย (ราก)
20. แก้อาการอาเจียนเป็นเลือด กระอักเลือด (ราก)
21. ช่วยรักษอาการต่อมน้ำนมบวม น้ำนมคั่ง (ใบ,ทั้งต้น)
22. ช่วยในการกระตุ้นน้ำย่อย ช่วยในการย่อยอาหาร
23. สรรพคุณหัวผักกาดขาว ช่วยแก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ แน่นท้อง อาหารไม่ย่อย (ใบ,ทั้งต้น)
24. ชาวจีนเชื่อว่าหัวผักกาดมีผลต่อการเคลื่อนตัวของพลังซี่ ซึ่งมีผลต่อกระเพาะอาหารและระบบย่อย
25. ใช้เป็นยาระบาย (เมล็ด)
26. ช่วยรักษาอาการท้องร่วง บิด
27. ช่วยบรรเทาอาการท้องผูก
28. ช่วยชำระล้างผนังกระเพาะอาหารและลำไส้
29. ช่วยสมานลำไส้ (ราก)
30. มีส่วนช่วยให้ปัสสาวะใส ไม่ขุ่น
31. ช่วยบำรุงม้าม (ราก)
32. ประโยชน์ของหัวไชเท้าช่วยส่งเสริมการทำงานของตับ จึงช่วยกำจัดพิษและของเสียในร่างกาย
33. แก้อาการผิวหนังเป็นผื่นคันมีน้ำเหลือง ด้วยการใช้ใบสดน้ำมาคั้นเอาน้ำแล้วทาบริเวณที่เป็นผื่นคัน
34. ชาวจีนสมัยก่อนนำหัวผักกาดมาใช้รักษาโรคหัดในเด็ก
35. ในญี่ปุ่นมักนำหัวไชเท้าดิบมาขูดเป็นฝอยลงในซีอิ๊วใช้เป็นน้ำจิ้ม
36. มีการนำมาแปรรูปเป็นหัวไช้โป๊ว ดอกเค็ม ตากแห้งเพื่อรับประทาน
37. ในตำราอาหารญี่ปุ่นแนะนำว่าให้ต้มปลาหมึกตัวสดกับหัวไชเท้า ว่ากันว่าจะช่วยทำให้เนื้อปลาหมึกนุ่มมาก
38. เป็นสมุนไพรแก้ฝ้า ลดฝ้าให้จางลงได้

หัวไชเท้ารักษาฝ้าได้จริงหรือ

จริงๆ แล้วการรักษาฝ้าด้วยสมุนไพรค่อนข้างจะเห็นผลช้าเมื่อเทียบกับการใช้ครีมลอกฝ้าที่ผลิตจากพวกสารเคมี แต่ว่าวิธีรักษาฝ้าแบบธรรมชาติจะมีความปลอดภัยมากกว่าเพราะว่าส่วนประกอบที่เรานำมาใช้ทำครีมรักษาฝ้าจะมาจากธรรมชาติทั้งหมด ดังนั้น การที่จะตอบว่าหัวไชเท้าหรือหัวผักกาดรักษาฝ้าได้จริงหรือไม่นั้นก็คงสรุปตายตัวไม่ได้ เพราะว่ามันขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ตัวอย่างเช่น สภาพผิวของแต่ละบุคคล บางคนผิวแพ้ง่าย บางคนผิวแห้ง ผิวมัน เป็นต้น อย่างไรก็ตามทางเราได้รวบรวมสูตรการรักษาฝ้าด้วยหัวไชเท้าเอาไว้ให้ทุกท่านได้ทดลองทำดู หากลองแล้วได้ผล หรือไม่ได้ผลอย่างไร ก็อย่าลืมนำกลับมาแชร์ให้เพื่อนๆ ได้ทราบกันด้วยน่ะครับ

สูตรวิธีรักษาฝ้าด้วยหัวไชเท้าแบบสดๆ สูตรนี้ไม่ต้องทำอะไรเลยใช้หัวผักกาดแบบสดๆ นี่แหละ นำมาล้างให้สะอาด เสร็จแล้วใช้มีดคมๆ ฝานให้เป็นชิ้นบางๆ แล้วนำไปแปะไว้บริเวณที่เป็นฝ้า ทิ้งไว้ซักประมาณ 15-20 นาที แล้วค่อยล้างออก จากนั้นซับหน้าให้แห้ง ถ้าเป็นไปได้ก็ให้ทำแบบนี้ติดต่อกันทุกวันจะช่วยแก้ฝ้าให้จางลงได้ ข้อแนะนำ ก่อนทำควรล้างหน้าให้สะอาดก่อนทุกครั้ง

สูตรแก้ฝ้าด้วยหัวไชเท้าแบบที่สองคือ การกินหัวไชเท้า อันนี้แล้วแต่สะดวกเลยว่าอยากจะกินดิบหรือกินสุก ถ้าจะกินดิบก็ขูดให้เป็นฝอยๆ นำมาทานร่วมกับอาหารชนิดอื่นๆ หรือทำไปทำเป็นกับข้าวประเภทแกงจืด ก็ได้

สูตรรักษาฝ้าด้วยหัวผักกาดแบบที่สามคือ นำหัวไชเท้ามาสับเป็นชิ้นเล็กๆ จากนั้นนำไปปั่นให้ละเอียด บีบน้ำมะนาวลงไปเล็กน้อย จากนั้นปั่นให้เข้ากัน นำมาพอกบริเวณที่เป็นฝ้า ทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที จากนั้นล้างออกด้วยน้ำสะอาด พยามยามทำให้สม่ำเสมอจะช่วยลดฝ้าให้จางลงได้

สูตรครีมแก้ฝ้าหัวไชเท้าแบบที่สี่มีส่วนผสมดังนี้ หัวไชเท้าไม่ต้องปอกเปลือกหั่นชิ้นเล็ก ๆ    2 ช้อนโต๊ะ จมูกข้าวสาลี   1 ช้อนโต๊ะ น้ำผึ้งแท้   1 ช้อนโต๊ะ วิธีผสมสมุนไพรสดพอกหน้า พอกตัว หัวไชเท้า นำหัวไชเท้าไม่ต้องปอกเปลือกล้างให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ใส่ลงไปในเครื่องปั่นน้ำผลไม้  ใส่จมูกข้าวสาลีผสมใส่ลงไป เติมน้ำผึ้งแท้ลงไป ปั่นให้ละเอียดจนเนื้อเนียนนุ่มพร้อมใช้ประโยชน์ได้ทันทีอย่างมีคุณภาพ วิธีใช้ ก่อนอื่นให้ล้างหน้าให้สะอาดด้วยน้ำธรรมดาทั่ว ๆ ไป ไม่ต้องใช้สบู่ใด ๆ ทั้งสิ้น แล้วซับผิวหน้าให้แห้ง รอจนใบหน้าแห้งดีแล้วนำส่วนผสมสมุนไพรสดพอกหน้า พอกตัว หัวไชเท้า ที่ได้มาพอกลงบนใบหน้า เว้นรอบดวงตา เว้นรอบริมฝีปาก พอกให้ทั่วใบหน้าพอกให้ทั่วใบหน้าจากนั้นให้พอกไปที่คาง ลำคอโดยรอบ รวมทั้งช่วงไหล่ แขน และใต้ลำคอลงมาถึงทรวงอกด้วย แล้วปล่อยทึ้งไว้เฉย ๆ ให้ตัวยาสมุนไพรแทรกซึมเข้าไปในรูขุมขน แทรกเข้าไปใต้ผิวหนังเพื่อทำหน้าที่บำรุงรักษาผิวพรรณได้อย่างเต็มที่ เป็นเวลาประมาณ 10-15 นาที จึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด ซับผิวหน้าให้แห้งอีกครั้งหนึ่ง เพียงเท่านี้เอง ทุกครั้งที่ซับผิวหน้านั้นมีวิธีซับนิดหน่อยว่าให้ซับหน้าเบา ๆ ไม่ใช่เช็ดถูลากเอาผ้าขนหนูดึงให้แก้มหย่อนยานลงมา คางร่นลงมา หากทำหลาย ๆ ครั้ง จะเกิดผลของอาการผิวหนังหย่อนลงมาอย่างน่าเกลียดในที่สุด นี่เป็นเรื่องสำคัญอีกเรื่องหนึ่งสมุนไพรสดจากธรรมชาติพอกหน้า พอกตัว หัวไชเท้า ออกฤทธิ์ขจัดฝ้าได้ดี เมื่อเกิดฝ้าที่อยู่บนผิวหน้าหรือเพิ่งเริ่มเป็นระยะหนึ่ง สามารถรักษาได้อย่างดีเยี่ยม จุดด่างดำ หมองคล้ำที่เกิดขึ้นนั้นไม่ต้องวิตกกันอีกต่อไปแล้ว เพราะสามารถรักษาได้ด้วยครีมสมุนไพรสดจากธรรมชาติหัวไชเท้า

ข้อควรระวัง

หากทำตามสูตรรักษาฝ้าด้วยวิธีธรรมชาติด้านบนแล้วรู้สึกว่าแสบหน้า หน้าแดง ควรหยุดทำน่ะครับ เพราะตามที่ได้บอกไว้ว่าสภาพผิวของแต่ละบุคคลไม่เหมือนกัน ดังนั้น วิธีเดียวกัน บางคนอาจจะได้ผล บางคนอาจจะไม่ได้ผล ถ้าใครที่คิดว่าตัวเองแพ้หัวไชเท้าก็ลองมองหาสมุนไพรรักษาฝ้าวิธีอื่นๆ ลองดูน่ะครับ

หากใครที่นำสูตรหัวไชเท้ารักษาฝ้าไปใช้แล้วได้ผลก็อย่าลืมมด Like กด Share ให้กับทีมงานด้วยน่ะครับ จะได้มีกำลังใจ รวบรวมข้อมูลดีๆ มานำเสนอเพื่อนๆ อีก หากใครที่ต้องการทราบข้อมูลดีๆ เกี่ยวกับวิธีรักษาฝ้าด้วยวิธีธรรมชาติ สามารถกด Like ตัว Facebook Fan Page ของเราได้น่ะครับ หรืออีกทางก็ Twitter น่ะครับ

มาทำครีมลดฝ้าด้วยวิธีธรรมชาติจากขมิ้นและกระทิกันเถอะ

สำหรับทุกท่านที่กำลังหนักอกหนักใจเรื่องฝ้า ที่อยู่บนใบหน้าของท่าน วันนี้ทางทีมงานจะมาแนะนำครีมลดฝ้าที่ทำจากวัตถุดิบที่ได้จากธรรมชาติ ซึ่งก็คือ ขมิ้น และก็ กระทิ นั่นเอง สรรพคุณของครีมตัวนี้คือสามารถรักษาฝ้า ลบเลือนรอยฝ้าที่อยู่บนหน้าให้จางลงได้น่ะครับ จริงๆ สูตรนี้เป็นของฝรั่งเค้าน่ะครับ เห็นว่าเป็นวิธีรักษาฝ้าแบบธรรมชาติ รับรองเรื่องความปลอดภัยครับ เลยนำมาแนะนำให้ทุกท่านได้ทดลองนำไปใช้กันดู

นอกจากนี้เรามีวิดีโอแนะนำการทำครีมลดฝ้าสูตรนี้ด้วยน่ะครับ เป็นภาษาอังกฤษ ใครที่ถนัดภาษาอังกฤษอยู่แล้วก็จัดเลยครับ ทำตามคำแนะนำที่อยู่ในวิดีโอได้เลย หากใครไม่คุ้นเคยกับภาษาฝรั่ง ผมได้สรุปเนื้อหาใจความ วิธีทำครีมลดฝ้าสูตร ขมิ้น กับ กระทิ ไว้แล้วน่ะครับ เรามาทำกันเลย

สิ่งที่ต้องเตรียม: 1น้ำกระทิประมาณ 15 ช้อนชา 2.ผงขมิ้น 2 ช้อนชา  3. Rose water 4 ช้อนชา 5. น้ำมะนาว 1 ช้อนชา
ครีมลดฝ้า
ผงขมิ้น
Rose water
Rose water

ก่อนอื่นเลยให้เราหาชามหรือถ้วยปากกว้างขนาดพอประมาณที่สามารถคนได้ง่ายๆ หน่อยจัดมาก่อนเลยครับ 1 ใบ จากนั้นเทน้ำกระทิลงไปก่อนเลย ตามด้วยผงขมิ้น น้ำดอกกุหลาบ** และน้ำมะนาว ตามปริมาณที่เราเตรียมเอาไว้ คนให้ส่วนผสมกลายเป็นเนื้อเดียวกันและมีความหนืดพอดี ส่วนประกอบที่แจ้งเอาไว้สามารถเพิ่มปริมาณได้ตามความเหมาะสม
น้ำกระทิ
น้ำกระทิ
น้ำมะนาว
น้ำมะนาว

เมื่อส่วนผสมเข้ากันแล้วเราจะได้ครีมลดฝ้า ให้เรานำไปทาบริเวณที่เราเป็นฝ้าทุกวัน ทิ้งไว้ประมาณ 30 นาทีแล้วค่อยแล้วออกแล้วเช็ดหน้าให้แห้ง ฝ้าที่เกาะอยู่บนหน้าของท่านก็จะค่อยๆ จางหายไป วิธีนี้เป็นวิธีรักษาฝ้าด้วยวิธีธรรมชาติ ดังนั้น จงอย่าคาดหวังว่าทำแค่ ไม่กี่วันแล้วฝ้าจะหายได้ ต้องมีความตั้งใจจริงครับ จะเริ่มเห็นผลว่าฝ้าเริ่มจางลงหลังจากใช้ครีมนี้ติดต่อกันอย่างน้อยสองอาทิตย์

หมายเหตุ:
**Rose Water น้ำกุหลาบ ที่ใช้กันมาตั้งแต่สมัยโบราณ เช็ดผิวให้รูขุมขนกระชับเนียนเรียบ ผิวพรรณสดใสไม่หมองคล้ำ บำรุงผิวให้เต่งตึง ใช้แทนโคโลญจน์ได้ด้วย น้ำกุหลาบจะได้มาจากการกลั่นน้ำมันหอมระเหยกุหลาบ

น้ำกุหลาบเป็นที่นิยมมาตั้งแต่สมัยโบราณหลายประเทศทั่วโลก เครื่องสำอางค์สมัยก่อนในบางตำรับก็มีการใช้น้ำกุหลาบเป็นส่วนผสม เช่น โคลด์ครีม มีการนำน้ำกุหลาบผสมกับส่วนผสมอย่างอื่น พอน้ำกุหลาบระเหยออกไปจะทำให้รู้สึกเย็นผิว จึงเรียกกันว่าโคลด์ครีม ในประเทศไทยเราเองก็มีใช้กันมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา เรียยกว่าน้ำกุลอับ

น้ำกุหลาบสามารถใช้ได้ทั้งเป็นน้ำกระสายยา เช็ดผิวหน้าให้รูขุมขุนกระชับเนียนเต่งตึง ไม่ทำให้ผิวหมองคล้ำ โดยใช้ได้อย่างปลอดภัย ไม่มีสารเคมีเจือปน ใช้แทนโทนเนอร์ทั่วไปได้ หากต้องการความสดชื่นให้แช่เย็นแล้วค่อยนำมาฉีดพ่นบนใบหน้า

ประโยชน์อีกอย่างหนึ่งก็คือใช้เพื่อความหอม โดยสามารถใช้หยดบนผ้าโดยไม่ทำให้เนื้อผ้าเป็นคราบ
หรือใช้แทนโคโลญจน์ได้ด้วย กลิ่นไม่ฉุนมากเหมือนน้ำหอม และไม่ทำให้เกิดอันตรายต่อผิวเหมือนน้ำหอมสังเคราะห์ จะประยุกต์โดยผสมดินสอพองพอกผิวก็ได้ผลดี คือให้ทั้งความหอมและลดผดผื่นได้เป็นอย่างดี(ใช้น้ำกุหลาบแทนน้ำอบไทยหรือน้ำปรุง)




น้ำมะนาวรักษากระได้จริงหรือ?

รักษากระด้วยมะนาวได้จริงหรือ? เชื่อหรือไม่ว่า นอกว่าจากครีมรักษากระ ฝ้า ราคาแพงๆ ที่วางขายกันอยู่ตามท้องตลาดแล้ว คุณยังสามารถรักษากระได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องพึ่งพาสารหรือครีมเหล่านั้นเลย ในวันนี้ทางทีมงานจะมาแนะนำวิธีรักษากระโดยวิธีธรรมชาติ และท่านทั้งหลายสามารถทดลองทำกันได้เองที่บ้านโดยไม่มีผลข้างเคียงใดๆ

สูตรที่เราจะนำมาแนะนำในวันนี้คือ น้ำมะนาวสดซึ่งเป็นสมุนไพรรักษาฝ้าชนิดหนึ่ง และยังมีคุณสมบัติที่สามารถนำมาใช้รักษากระได้เช่นกัน โดยวิธีการคือ เลือกมะนาวสดมาซัก 2-3 ลูก หั่นเป็นชิ้นๆ จากนั้นบีบเอาเฉพาะน้ำ ใช้นิ้วแตะน้ำมะนาวสดที่คั้นเสร็จใหม่ๆ จากนั้นนำมาทาบริเวณที่เกิดกระให้ทั่ว น้ำมะนาวจะช่วยทำให้รอยกระหลุด ลอกร่อนออกไปได้ เนื่องจากน้ำมะนาวสดมีฤทธิ์เป็นกรดอ่อนๆ ทำให้กระมีสีจางลง สูตรนี้ควรทำเป็นประจำจนเห็นผล

ลองนำวิธีรักษาโดยธรรมชาตินี้ไปลองทำดูน่ะครับ

กระคืออะไร? อะไรคือสาเหตุหลักทำให้เกิดกระ?

กระคืออะไร? อะไรคือสาเหตุหลักทำให้เกิดกระ?

กระ คือ จุดสีน้ำตาลกลมๆ ไม่มีรอยนูนที่เกิดขึ้นบนผิวหนังของคนเรา โดยมีขนาดไม่ใหญ่มากนัก กระจะเกิดขึ้นบริเวณต่างๆ ของร่างกาย โดยสาเหตุหลักๆ เกิดจากการสัมผัสกับแสงอาทิตย์เป็นระยะเวลานานๆ กระจะมีโอกาสเกิดสูงในบริเวณที่ผิวหนังบาง เช่น ส่วนบนของร่างกาย คาง จมูก แขน และไหล่ช่วงบน กระสามารถเกิดได้ตั้งแต่เด็กอายุระหว่าง 1 ถึง 2 ปี

กระ ที่เกิดขึ้นกับคนส่วนใหญ่จะเป็นเม็ดสี แต่ละคนจะมีกระที่มีสีแตกต่างกันไป โดยกระอาจะมีสีออกแดงๆ เหลือง น้ำตาล น้ำตาลอ่อน สีน้ำผึ้ง หรือ สีดำ โดยปกติแล้วบริเวณผิวหนังที่เป็นกระจะมีสีผิวที่เข้มกว่าบริเวณรอบๆ กระจะมีสีเข้มขึ้นเรื่อยๆ หากสัมผัสกับแสงอาทิตย์บ่อยๆ และกระจะมีสีจางลงในช่วงหน้าหนาวที่มีอากาศเย็น

กระ เกิดขึ้นเนื่องจากร่างการมีปริมาณเซลล์เม็ดสีเข้ม( dark pigment) ที่เรียกว่า "เมลานิน" ในระดับที่สูง แต่จะไม่เกี่ยวกับการเพิ่มขึ้นของเซลล์ที่ทำหน้าที่ในการสร้าง dark pigment ที่เรียกว่า เมลาโนไซต์ (melanocyte)


กระ มีกี่ประเภท?

หลักๆ แล้ว กระ จะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทด้วยกัน คือ กระธรรมดา และกระที่เกิดจากแดดเผา กระแบบธรรมดาจะมีลักษณะกลมๆ และเล็กๆ ขนาดเท่ากับประมาณปลายนิ้วมือ ส่วนกระที่เกิดจากแดดเผานั้น ส่วนใหญ่แล้วจะมีสีเข้มกว่าและจะพบร่องรอยของการอักเสบบริเวณขอบของรอยกระ และจะมีขนาดใหญ่กว่ากระแบบธรรมดา กระแบบที่เกิดจากการเผาไหม้ของแดดส่วนใหญ่แล้วจะเกิดบริเวณแผ่นหลังด้านบนและบริเวณหัวไหล่ ซึ่งถือว่าเป็นจุดที่เกิดการเผาไหม้ของแดดที่รุนแรงที่สุด

ส่วนวิธีรักษากระ สามารถติดตามได้ในบทความต่อไป